Hfocus (เจาะลึกระบบสุขภาพ)

  1. สธ.แนะ 4 ท่าอุ้มทารกแรกเกิด ย้ำ! ห้ามเขย่าเด็กแรง เสี่ยงบาดเจ็บทางสมอง

    สธ.แนะ 4 ท่าอุ้มทารกแรกเกิด ย้ำ! ห้ามเขย่าเด็กแรง เสี่ยงบาดเจ็บทางสมอง

    กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้ทารกแรกเกิดกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรง หากเขย่าแรง ๆ อาจบาดเจ็บทางสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต แนะ 4 ท่าอุ้มส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจ ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย  

    เมื่อวันที่ 8  พฤศจิกายน นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันทร์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นกับเด็กทารกไว้ว่า “การเขย่าเด็กแรง ๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็ก โดยเฉพาะทารกวัย 3 - 8 เดือน ได้รับบาดเจ็บทางสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต หรือทำให้เด็กพิการตลอดชีวิต เช่น ปัญหาทางสายตา ลมชัก การเรียนรู้ และสติปัญญา เนื่องจากกล้ามเนื้อคอของทารกยังไม่แข็งแรง เมื่อคอและศีรษะถูกเหวี่ยงไปมา โดยการเขย่าจะทำให้เส้นเลือดบริเวณเยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เกิดเลือดออกในสมอง การเคลื่อนไหวและกระตุกอย่างรวดเร็ว ทำให้เนื้อสมองได้รับอันตรายได้

    นพ.อัครฐาน  จิตนุยานนท์  ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีกล่าวว่า การอุ้มทารกด้วยท่าอุ้มที่ถูกวิธี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะร่างกายลูกน้อยในขวบปีแรกยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อคอยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ดังนั้น การอุ้มลูกด้วยท่าอุ้มลูกที่ถูกวิธีจะส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านร่างกายและจิตใจของลูก ทำให้ลูกน้อยสามารถรู้สึกปลอดภัย สามารถสัมผัสความรัก ความอบอุ่น และช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างคุณพ่อคุณแม่และบุคคลใกล้ชิดได้เป็นอย่างดี โดยท่าที่ใช้อุ้มทารก โดยเฉพาะวัยแรกเกิดถึง 3 เดือน มีดังนี้ 

    1.ท่าอุ้มไกวเปล เป็นวิธีทั่วไปในการอุ้มลูกน้อยด้วยจังหวะอ่อนโยนมีความเป็นธรรมชาติและง่ายที่สุด สามารถสบตาลูกน้อยได้โดยตรง สื่อถึงความรัก ความผูกพันได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่และเป็นท่าที่ใช้ให้นมลูกได้อีกด้วย 

    2.ท่าอุ้มพาดบ่า ทำให้ลูกน้อยรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย อีกทั้งสามารถเหยียดตัวได้อย่างสบาย ๆ โดยสามารถใช้ท่าอุ้มท่านี้หลังให้นมและช่วยให้ทารกเรอได้ 

    3.ท่าอุ้มนอนคว่ำ เป็นท่าที่ใช้อุ้มลูกน้อยเพื่อกล่อมให้พวกเขานอนหลับและช่วยให้เรอได้ 

    4.ท่าอุ้มหันหน้าเข้าหากัน เป็นการอุ้มทารกที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ สามารถสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กได้ดีที่สุด เนื่องจากสามารถสบตากันได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความผูกพันระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้เป็นอย่างดี

    พว.ศิริลักษณ์ ถาวรวัฒนะ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การอุ้มลูกทารก ผู้อุ้มต้องไม่เกร็งและรู้สึกมั่นใจ โดยใช้มือประคองคอ ศีรษะและลำตัวของทารกเสมอ เพียงเท่านี้เจ้าตัวเล็กก็สามารถสัมผัสถึงสายใยแห่งรักได้อย่างเต็มที่  และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขย่าตัวเด็กเพื่อกล่อมนอน หรือถ้าเป็นเด็กแรกเกิดสามารถตรวจประเมินสภาพการตอบสนองทั่วไปของเด็ก อาจจะใช้วิธีลูบสัมผัสเบาๆ  อย่างไรก็ตามก่อนอุ้มทารกน้อยทุกครั้ง อย่าลืมล้างมือให้สะอาด เพราะระบบภูมิคุ้มกันของลูกยังพัฒนาไม่เต็มที่ เชื้อโรคที่ติดอยู่ตามมือของเราอาจทำให้ทารกป่วยได้ 

    editor team nisa Fri, 11/08/2024 - 16:00
  2. ไทยเข้มเฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก H5N1’ ล่าสุด WHO พบผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้-สหรัฐ

    ไทยเข้มเฝ้าระวัง ‘ไข้หวัดนก H5N1’ ล่าสุด WHO พบผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้-สหรัฐ

    องค์การอนามัยโลกพบ “ไข้หวัดนก H5N1”  ในฟาร์มสัตว์ปีก เมืองดงแฮ เกาหลีใต้ และพบคนงานฟาร์มสัตว์ปีกในรัฐวอชิงตัน สหรัฐ ติดเชื้อ  ส่วนไทยไม่พบ แต่เข้มเฝ้าระวัง  ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างกัมพูชา ล่าสุดส.ค. 67 รายงานผู้เสียชีวิตสะสม 10 ราย กรมควบคุมโรค ยังเตือนช่วงเทศกาล วันสำคัญ ระวัง “โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน”

     

    เมื่อเร็วๆนี้ พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค และนพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค แถลงข่าว “หน้าหนาว  อุ่นใจ ปลอดภัย ห่างไกลโรค” พร้อมแนะแนวทางการรับมือโรคและภัยสุขภาพในช่วงฤดูหนาว และเผยถึงสถานการณ์ในต่างประเทศที่ไทยยังต้องเฝ้าระวัง

    (ข่าวเกี่ยวข้อง : เตือน ‘ 3 โรคหน้าหนาว’  ทั้งโควิด19 หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อRSV  และภัยสุขภาพ ฝุ่น PM 2.5)

    ไข้หวัดนก ยังไม่แพร่จากคนสู่คนง่ายๆ

    โดย พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลถึงสถานการณ์โรคระบาดในต่างประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง ว่า โรคไข้หวัดนกในคน และสัตว์ทั่วโลกยังพบมีรายงานเป็นระยะ โดยเฉพาะสายพันธุ์ H5N1 ซึ่งติดต่อจากสัตว์มาสู่คน แต่ยังไม่พบว่า สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้

    ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มีรายงานพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในฟาร์มสัตว์ปีก ในเมืองดงแฮ จังหวัดคังวอนโด สาธารณรัฐเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีรายงานคนงานฟาร์มสัตว์ปีกในรัฐวอชิงตัน ติดเชื้อ 9 ราย ผู้ติดเชื้อ 3 รายยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นไวรัสไข้หวัดนกชนิด A (H5N1)

    “ไข้หวัดนกเป็นโรคจากสัตว์มาสู่คน เดิมเราจะพบเชื้อไข้หวัดนกติดในสัตว์ปีก แต่ระยะหลังพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คือ ในฟาร์มโคนม ฟาร์มหมู ล่าสุดพบในสหรัฐ แต่ยังใจชื้นตรงไม่แพร่ง่ายจากคนสู่คน ต้องสัมผัสใกล้ชิดจริงๆ” พญ.จุไร กล่าว

    โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยรายสุดท้าย เมื่อปี 2549  แต่หลังจากนั้นยังไม่พบอีก ซึ่งมีระบบเฝ้าระวังต่อเนื่อง ส่วนที่ประเทศใกล้บ้านเรา อย่างกัมพูชา ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 มีรายงานผู้เสียชีวิตสะสมทั้งหมด 10 ราย จึงยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังสถานการณ์โรคทั้งในคน สัตว์และสัตว์ป่า รวมทั้งประเมินความเสี่ยงภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมโรค กรมปศุสัตว์ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่ออุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ตามแนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว หรือ One Health

    พญ.จุไร ยังเผยถึงข้อแนะนำสำหรับประชาชน ว่า  ยังคงเน้นย้ำประชาชน ให้รับประทานอาหารที่ปรุงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ปีก ไข่ และผลิตภัณฑ์จากโคนม หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก สุกร หรือโคนมที่ป่วยหรือตาย และไม่ใช่ว่าไข้หวัดนกจะต้องเลี่ยงแค่สัตว์ปีก โคนมป่วยเท่านั้น ต้องหลีกเลี่ยงทั้งหมด  ทั้งนี้ หากต้องสัมผัสกับสัตว์ปีก สุกร หรือโคนม ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมถุงมือ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัส หากมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ หรือตาแดงอักเสบ ควรรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยงดังกล่าวให้แพทย์ทราบ

    ระวัง “โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน”

    ด้าน นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ยังกล่าวถึงโรคและภัยสุขภาพในช่วงวันสำคัญ หรือเทศกาลต่างๆ เช่น โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน จากข้อมูลกองระบาดวิทยา พบว่า กลุ่มเด็กที่มีอายุ 5-9 ปี ร้อยละ 57.89 ตรวจพบเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันมากที่สุด แนะนำให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” ปฏิบัติตนดังนี้ 1. กินอาหารปรุงสุก ใหม่  2. หากเก็บอาหารไว้เกิน 2 ชั่วโมง อุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนกินทุกครั้ง  3. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดก่อนหยิบจับอาหารทุกครั้ง  4. ดื่มน้ำต้มสุกหรือน้ำบรรจุขวดที่มีเครื่องหมาย อย.  และ 5. บริโภคน้ำแข็งที่สะอาด ไม่มีสีหรือกลิ่นผิดปกติ

    นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลงานบุญ งานกฐิน ที่ประชาชนต้องมีการจัดเตรียมอาหารทำบุญ และมีการเดินทางเป็นหมู่คณะ โรคและภัยสุขภาพที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ อาหารเป็นพิษ ซึ่งต้องยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” และต้องล้างมือ ด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงประกอบอาหารสำหรับการเดินทาง แนะนำให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งตลอดการเดินทาง ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการเดินทางในเวลากลางคืน เนื่องจากทัศนวิสัยอาจไม่ดี เป็นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

    สำหรับเทศกาลลอยกระทงที่จะมาถึง มีให้ระวังเรื่องการจุดพลุ ประทัด  ทั้งนี้ สถานการณ์พลุ ประทัดระเบิด ตั้งแต่ปี 2562 - 2566พบผู้บาดเจ็บ 4,225 ราย และเสียชีวิต 10 ราย จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนระมัดระวัง ควรออกห่างจากบริเวณที่มีการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ หรือพลุ หากเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บให้โทร 1669 และรีบส่งโรงพยาบาล ให้เร็วที่สุด และในช่วงเทศกาลลอยกระทง เนื่องจากวัยรุ่นอาจมีการแสดงแสดงออกการเป็นคู่รัก แนะนำให้ป้องกันตนเอง ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง สังเกตและหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีผื่น แผล ตุ่ม หนองสงสัย หากมีความเสี่ยงแนะนำให้ปรึกษาและรับการตรวจที่คลินิกทันที

    14 พ.ย. วันเบาหวานโลก  

    นอกจากนี้ ช่วงเดือนพฤศจิกายนยังมีวันสำคัญ คือ    วันเบาหวานโลก ปีนี้ ตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “Diabetes and Well-Being สุขกาย สุขใจ โลกสดใส ใส่ใจเบาหวาน” เพื่อสร้างความตระหนักว่าผู้เป็นเบาหวานสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย จากสถิติสาธารณสุข ปี 2565 พบว่าโรคเบาหวานเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 6 ของคนไทย และ 1 ใน 11 ของคนไทย มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หากประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะป้องกันการเกิดโรคเบาหวานในอนาคตได้

    25 พ.ย.วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล

    การรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล กำหนดให้วันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ซึ่งได้ตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงทั้งในเด็ก ผู้หญิง และความรุนแรงในครอบครัวด้วย หากคนในสังคมมุ่งมั่นร่วมกันยุติความรุนแรงอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดน้อยลง

    1 ธ.ค.วันเอดส์โลก

    วันเอดส์โลก ในปีนี้ ตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม 2567 โดยในปีนี้มีการรณรงค์ภายใต้แนวคิด “Take the rights path : เคารพสิทธิ มุ่งสู่การยุติเอดส์” จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2565 พบว่า ร้อยละ 27.9 ประชาชนมีทัศนคติเลือกปฏิบัติผู้ติดเชื้อเอชไอวี กรมควบคุมโรคขอสนับสนุนให้ทุกคนเคารพ ปกป้อง  และคุ้มครองสิทธิ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งผลต่อการเข้ารับบริการสุขภาพด้านการป้องกันและรักษาเอชไอวี เพื่อการมีสุขภาพและชีวิตที่ดี และเน้นย้ำการปฏิบัติตน ดังนี้

    1.ใช้ถุงยางอนามัย เมื่อมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง ทุกคน ทุกช่องทาง

    2. หากมีความเสี่ยงแนะนำให้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ

    3. เข้าสู่ระบบการรักษาทันที กินยาเร็วและต่อเนื่อง รู้เร็ว รักษาเร็ว กินยาเร็ว กดไวรัสได้ สุขภาพดี ไม่ถ่ายทอดเชื้อสู่คู่ ใช้ชีวิตในสังคมได้ปกติ

     

           

      

    presscomdivi Fri, 11/08/2024 - 14:55
  3. สสส. เปิดผลความสำเร็จโมเดล 5 เสือภาคีระดับอำเภอสู่การขับเคลื่อน "ชุมชนล้อมรักษ์" จ.นครพนม

    สสส. เปิดผลความสำเร็จโมเดล 5 เสือภาคีระดับอำเภอสู่การขับเคลื่อน "ชุมชนล้อมรักษ์" จ.นครพนม

    สสส. เปิดผลความสำเร็จโมเดล 5 เสือภาคีระดับอำเภอสู่การขับเคลื่อน ชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) พื้นที่อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม แลกเปลี่ยนบทเรียนแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยแนวคิด “ปัญหาเกิดขึ้นที่ชุมชนต้องจบที่ชุมชน ถ้าทีมเวิร์คทุกอย่างก็เวิร์ค” พบจำนวนผู้เสพลดลงต่อเนื่อง 
     
    เมื่อเร็วๆนี้ ที่วัดสร้างแก้ว อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประชุมแลกเปลี่ยนบทเรียน ความสำเร็จของกลไก พชอ. “พื้นที่เป็นฐาน ชุมชนเป็นศูนย์กลาง” แก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดย สสส. และมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาการเรียนรู้ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และโมเดล 5 เสือภาคีระดับอำเภอ สู่การขับเคลื่อนระบบ CBTx หรือ ชุมชนล้อมรักษ์ แก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม สาว

    นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หลักการสำคัญของชุมชนล้อมรักษ์ คือ การมีส่วนร่วมของชุมชนซึ่งแต่ละพื้นที่ต้องหาวิธีการของตนเอง ผนวกกับการมีส่วนร่วมของครอบครัวและผู้เสพที่จะร่วมออกแบบการช่วยเหลือ โดยมีสาธารณสุขคอยหนุนเสริม เวทีประชุมแลกเปลี่ยนบทเรียนความสำเร็จของกลไก พชอ. “พื้นที่เป็นฐานชุมชนเป็นศูนย์กลาง” แก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างชุมชนและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบบูรณาการในทุกมิติ เชื่อมกลไกการทำงาน พชอ. เพื่อให้เกิดผลดีแก่เด็กและเยาวชนในทุกพื้นที่  

    “เราต้องยอมรับประเด็นปัญหายาเสพติดว่ามีจริง โดยในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ก็มีคนติดยาตามท้องถนนหรือมีปัญหาด้านยาเสพติดเช่นเดียวกัน แต่แทบไม่เคยพบข่าวการไล่ทำร้ายคนจากประเด็นยาเสพติด ดังนั้น เราต้องยอมรับว่ายาเสพติดมีทุกพื้นที่ แต่ต้องไม่ให้มีมากเกินไป และป้องกันไม่ให้เด็กวัยรุ่นเข้าสู่วงจรนี้หรือลดน้อยลง ดังนั้น จึงต้องมีการการสำรวจสถิติสถานการณ์จำนวนผู้เสพในพื้นที่ มีการตั้งตัวชี้วัดและมีตัวชี้วัดที่มีเป้าหมายว่า มีจำนวนผู้เสพในเขตพื้นที่ลดลง มีปัญหาที่เกิดเหตุจากคนติดยาบ้าลดน้อยลง นายอำเภอและกลไก พชอ. จะต้องเป็นแกนนำหลัก และมีคนในชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแล มีส่วนร่วมในการป้องกัน และควบคุมปัจจัยเสี่ยงเรื่องยาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม” นพ.มล.สมชาย กล่าว

    นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม กล่าวว่า กระบวนการทำงาน เริ่มที่หมู่บ้านต้องจบที่หมู่บ้านโดยเริ่มที่หมู่บ้าน พื้นที่อำเภอบ้านแพงสั่งให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน 66 หมู่บ้าน ไป x-ray หาข้อมูลผู้ติดยาเสพติดในชุมชน หรือค้นหาจำนวนผู้เสพ พบว่า มีจำนวนผู้เสพ 369 คน จาก 35,000 คน ซึ่งมีจำนวนผู้เสพสูงเกินกว่าบริหารจัดการ โดยเมื่อทราบตัวตนแล้วได้หาวิธีการและการเข้าสู่กระบวนการ ผู้เสพก็เหมือนผู้ป่วยต้องมีการถนอมไว้ เปรียบกับเมื่อเราเป็นโรคไข้หวัดซึ่งต้องรักษาให้หาย ผู้เสพก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหรือสารระบบเดิมเพื่อไม่ให้เขากลับไปสู่วงจรยาเสพติด ซึ่งนายอำเภอจะเป็นแกนนำในการขับเคลื่อน รวมถึงปัญหายาเสพติดอาจต้องค่อย ๆ ทำโดยสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชนหรือหมู่บ้านด้วยความร่วมมือจากกำนันผู้ใหญ่บ้าน สโลแกน

    “ไม่มีพระเอกในสังคม มีแต่ทีมเวิร์ค” ดังนั้น ถ้าทีมเวิร์คเข้มแข็ง มีการสอดรับประสานงานกันเป็นอย่างดี ก็มีการประสบความสำเร็จ
    “การตัดต้นเหตุยาเสพติดถ้ามี 5 สิ่งนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพติด 1. การสร้างแหล่งข่าวหรือสร้างเครือข่ายภาคประชาชน ให้กระจายข่าวว่า ถ้าทราบตัวผู้เสพให้มารายงานกับอำเภอจะไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัด 2. ปรับทัศนคติการมองเป้าหมายร่วมกัน

    3. สนับสนุนงบประมาณการทำงานด้านยาเสพติดเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมอบรม อสม. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ญาติผู้ป่วยและผู้ปกครอง เพื่อเป้าหมายในการเปลี่ยน Mindset ของคนในชุมชน 4. เครื่องมือติดตามรายงานผล มีการจัดประชุมและรายงานผลต่อนายอำเภอทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน โดยการดำเนินการหลักการคือต้องมีผลสำเร็จแล้วมีการรายงานผลแก่ประชาชนหรือชาวบ้าน 5.อบรมผู้ช่วยฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย และสร้างอาชีพให้ผู้ป่วยหลังการบำบัดเสร็จสิ้น” นายชินวัต กล่าว

    ขณะที่ นายธวัชชัย แสงจันทร์ สาธารณสุขอำเภอบ้านแพง กล่าวว่าอำเภอบ้านแพงมีการสร้างความเข้าใจระหว่างภาคีเครือข่ายหน่วยงานต่าง ๆ มีการทำ MOU มีการทำประชาคมทุกหมู่บ้านเพื่อทำการค้นหา คัดกรอง และส่งต่อไปบำบัด โดยปรับบทบาทหน้าที่ของตำรวจ ทหารให้สามารถเปลี่ยนคนกลุ่มนี้ให้อยากแสดงตัวเข้ารับการบำบัด ซึ่งมีการจับตรวจปัสสาวะพบ 16 รายของตำบลไผ่ล้อม และส่งต่อบำบัดตามโปรแกรม และออกติดตามโดย 5 เสือภาคี ในอนาคตมองว่าหากมีการดำเนินการด้วยหัวใจความเข้มแข็งก็จะเกิดขึ้นระดับพื้นที่ โดยใช้หลัก 5 ล. (ล้อมรั้ว ล้อมรุก ล้อมรักษ์ ล้อมใจ และล้อมชุมชน) ก็สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้ปัญหาด้านยาเสพติดลดลงในอนาคต และผู้ป่วยได้รับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง  
     
    นายเรวัตร ผาลี (แจ๊ค) อดีตผู้รับการบำบัดยาเสพติด กล่าวว่า
    จุดเริ่มต้นเข้าสู่วงจรยาเสพติด คือเพื่อน ชั้นปวส.2 ได้ชวนให้ลองเสพจนสามารถหาซื้อเองและเริ่มเสพจากวันละ 1 เม็ดเพิ่มเป็นวันละ 2-3 เม็ด ช่วงที่ติดหนักมาก 3-4 เม็ดต่อวัน ยาเสพติดทำให้ชีวิตตกต่ำไม่มีเงินใช้ ผลจากการเสพยาทำให้หลอนยา กลัวตำรวจมาจับอยู่ทุกวัน จึงตัดสินใจเข้ารับการบำบัดรักษาเข้าค่ายบำบัดรุ่นที่ 1 เป็นโครงการที่ดี มีวิทยากรอบรม มีอาหารให้กิน ระยะเวลาอบรม 12 วัน หลังจากอบรมทำให้หยุดยาได้ทันที ส่วนเพื่อนที่เคยคบก็มีเพื่อนชวนกลับไปเสพแต่เลิกคบไปแล้ว พยายามคบแต่เพื่อนที่ไม่เสพ จนตอนนี้เลิกเสพยาได้แล้วประมาณ 1 เดือน ปัจจุบันชีวิตเปลี่ยนขึ้นเยอะ ได้กลับมาอาชีพทำแทงรูยา (ยาสูบ) ที่บ้าน และมีการรับจ้างแบกกล้วย
     

    ​“ความตั้งใจที่เลิกเสพ เพราะอยากหาเงินมารักษาแม่ โดยแม่เป็นเส้นเลือดในสมองแตกและแม่ก็เป็นหนึ่งในกำลังใจที่ทำให้อยากเลิก เพราะเราอยากให้แม่หายนอกจากจากแม่แล้วมีพี่ชายปปส. หรือพี่ต้อ ช่วยคอยติดตามเราตลอดก็มีส่วนสำคัญ ที่ทำให้อยากให้เลิกเสพยา” นายเรวัตร กล่าว

     

     

     

    hfocus team tipe Fri, 11/08/2024 - 13:19
  4. ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.เชียงราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ "UCEP รพ.เอกชน" เตรียมคืนเงินให้ผู้ป่วย

    ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.เชียงราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ "UCEP รพ.เอกชน" เตรียมคืนเงินให้ผู้ป่วย

    ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.เชียงราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จกรณี รพ.เอกชน เก็บเงินผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (UCEP)  ขณะนี้เตรียมคืนเงินเรียกเก็บให้ผู้ป่วย ด้านญาติผู้ป่วยเผยขอคืนเงินตามที่จ่าย รอลุ้นจำนวนเงิน รพ. โอนคืน 

    เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2567 นายธนชัย ฟูเฟื่อง ประธานศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.เชียงราย เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตรายหนึ่ง มีอาการเส้นเลือดในสมองและเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย แต่ถูกเรียกเก็บเงินค่ารักษา ทั้งที่อาการเป็นไปตามหลักเกณฑ์การใช้สิทธิรับบริการ ตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” (UCEP) สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชม. หรือจนกว่าจะพ้นวิกฤต ซึ่งหลังจากที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิฯ ได้ดำเนินการเจรจาระหว่างโรงพยาบาลและญาติผู้ป่วยเ มื่อต้นเดือน ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ขณะที่ทางโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวยินยอมคืนเงินที่เรียกเก็บไปแล้วให้แก่ญาติผู้ป่วย 

    ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายดังกล่าวมีอาชีพไรเดอร์ มีสิทธิประกันสังคม โดยในช่วงเดือน ก.พ. 2567 ทางผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรง สลึมสลือ น้ำลายฟูมปาก เพื่อนไรเดอร์จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยในขั้นตอนการดำเนินการ ทางโรงพยาบาลได้ให้ญาติเซ็นยินยอมไม่ใช้สิทธิ UCEP 

    "ทางญาติก็เซ็นไป เพราะแน่นอนว่าจังหวะนั้นทุกคนตกใจและต้องการให้รีบรักษา หลังจากรักษาได้ 1-2 วัน ญาติก็จะย้ายออกไปที่โรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมของผู้ป่วย แต่ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บเงินประมาณ 2.5 แสนบาท และไม่ยอมให้ย้ายออกจนกว่าจะชำระเงินก่อน ทางญาติก็ประสานมา ผมจึงแนะนำให้ญาติชำระเท่าที่มีแล้วส่วนที่เหลือเซ็นรับสภาพหนี้ไปก่อน เพื่อให้สามารถนำตัวผู้ป่วยออกได้ หลังจากนั้นก็ให้มาทำเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทองเพราะโดยอาการแล้วผู้ป่วยเข้าข่าย UCEP ซึ่งโรงพยาบาลไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงิน" นายธนชัย กล่าว 

    นายธนชัย กล่าวต่อว่า หลังจากที่ญาติผู้ป่วยเข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนกับทางศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จ.เชียงรายแล้ว ตนได้ดำเนินการตามขั้นตอน คือรับเรื่อง รวบรวมข้อมูล พร้อมทำหนังสือแจ้งไปโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวว่าผู้ป่วยมีสิทธิ UCEP และทางโรงพยาบาลไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ หลังจากนั้น 2-3 วัน โรงพยาบาลทำหนังสือชี้แจงกลับมาว่าเป็นความประสงค์ของผู้ป่วยเองที่ไม่ใช้สิทธิ UCEP แต่ตนก็ยืนยันว่าไม่ว่าผู้ป่วยจะยินยอมหรือไม่ โรงพยาบาลต้องส่งเคลมค่าใช้จ่ายตามระบบมาที่ สปสช.

    ขณะเดียวกัน ตนก็ได้ส่งเรื่องไปที่ สปสช. ส่วนกลางตามขั้นตอน โดย สปสช. ส่วนกลางส่งเรื่องต่อมาที่ สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ และทาง สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ ก็ประสานกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) ซึ่งทาง สพฉ. ก็ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลว่าเคสดังกล่าวเข้าหลักเกณฑ์ใช้สิทธิ UCEP เช่นกัน

    นายธนชัย กล่าวว่าการดำเนินการในเรื่องนี้กินเวลาหลายเดือน จนเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2567 ได้มีการนัดไกล่เกลี่ยระหว่างญาติผู้ป่วย ตัวแทนโรงพยาบาลและตนในฐานะตัวแทนศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง ซึ่งหลังการเจรจาประมาณ 1 ชม. ทางโรงพยาบาลก็รับปากว่าจะคืนเงินให้ แต่ขอเคลมค่าใช้จ่ายกับ สปสช. ก่อน จากนั้นเมื่อโรงพยาบาลได้รับเงินจาก สปสช. แล้ว ถึงจะคืนเงินส่วนที่เรียกเก็บจากผู้ป่วยให้ ซึ่งล่าสุดในวันนี้ทราบว่าทางโรงพยาบาลได้คืนเงินผู้ป่วยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณโรงพยาบาล ซึ่งหน้างานในการใช้สิทธิอาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ แต่หลังการประสานงานทางโรงพยาบาลก็เข้าใจ โดยหลังจากนี้เชื่อว่ากรณีนี้จะเป็นกรณีตัวอย่างในการให้บริการ UCEP ต่อไป 

    hfocus team tipe Fri, 11/08/2024 - 12:28
  5. ราชกิจจาฯ ประกาศค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ม.19 พ.ศ. 2567

    ราชกิจจาฯ ประกาศค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ม.19 พ.ศ. 2567

    ราชกิจจาเเผยประกาศระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานตามมาตรา ๑๙ แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2567

    เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567   ราชกิจจาเเผยประกาศระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานตามมาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2567  โดยที่เป็นการสมควรกําาหนดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และค่าตอบแทน แก่ผู้ปฏิบัติงานตามมาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจ่ายเงิน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ลงนามโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

    สำหรับเนื้อหาสำคัญระบุว่า อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมาย ยาเสพติด พ.ศ. 2567 และมาตรา 20 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด รัฐมนตรีว่าการกระทรวง สาธารณสุขโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จึงวางระเบียบไว้ ดังนี้

    ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่ เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานตามมาตรา 19 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2567

    ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายซึ่งมีลักษณะ ดังต่อไปนี้

    (1) ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานตามแผนงานหรือโครงการที่เป็นประโยชน์สาธารณะ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาเสพติด

    (2) ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาหน่วยงาน หรือศักยภาพของเจ้าหน้าที่ การพัฒนาระบบงาน ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาอนุญาตด้านยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ หรือเพิ่มประสิทธิภาพ

    การนําเนินการ

    ข้อ 4  ค่าตอบแทนผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้รับการขึ้นบัญชีและปฏิบัติงานต่าง ๆ เกี่ยวกับกระบวนการ พิจารณาอนุญาตยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ตามมาตรา 19 ให้เป็นไปตามที่กําหนดในบัญชี

    ข้อ 5 ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนตามข้อ 4 เมื่อได้รับผลอันเป็นที่สุดแล้วของการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาต ทั้งนี้ โดยมีหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายเป็นสําเนาใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐาน การรับเงินอื่นจากผู้ยื่นคําขอ

    ข้อ 5 ในกรณีที่มีความจําเป็นและต้องปฏิบัตินอกเหนือไปจากที่กําหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ขอทําความตกลงกับกระทรวงการคลัง

    ข้อ 7 กรณีมีปัญหาในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด

     

     

     

     

     

     

     

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม....

    hfocus team tipe Fri, 11/08/2024 - 12:00